ใบความรู้ที่1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่1
ลักษณะสมบัติของไดโอดและการวัดและตรวจสอบไดโอด
ลักษณะสมบัติของไดโอด เมื่อทำการ จ่ายไบอัสตรง ให้กับไดโอดในช่วงเริ่มแรกไดโอดจะยังไม่นำกระแสเพราะแรงดันไบอัสตรงยังไม่สามารถทำลาย โพเทนเชี่ยล ( Potentail ) เราต้องให้แรงดันไฟฟ้าไบอัสตรงกับไดโอดจนถึงค่าแรงดันคัทอิน จึงจะทำให้โพเทนเชี่ยนลดลง อันจะทำให้ไดโอดนำกระแสได้ เช่น เยอรมันเนียมจะต้องให้แรงดันคัทอินประมาณ 0.2 V และซิลิคอนไดโอดต้องให้แรงดันประมาณ 0.6 V ดังน้นถ้าจ่ายแรงดันไบอัสตรงให้กับไดโอดต้องให้แรงดันคัทอินขึ้นไปแล้วไดโอดจะสามารถนำกระแสได้ โดยมีกระแส If ไหลผ่านไดโอด
ในทำนองเดียวกันเมื่อทำการ จ่ายไบอัสกลับ ให้กับไดโอดแบบกลับขั้วคือ จ่ายศักย์ไฟบวกให้สารชนิดเอ็นจ่ายศักย์ไฟลบให้สารชนิดพีจะมีผลให้เกิดการทำงานดังนี้คือ ศักย์ไฟบวกที่จ่ายให้ขา K จะดึงดูดอิเล็กตรอนอิสระในสารชนิดเอ็นเคลื่อนตัวออกห่างรอยต่อส่วนศักย์ไฟลบที่จ่ายให้ขา A จะดึงโฮลจากสารชนิดพีเคลื่อนตัวออกห่างรอยต่อ เช่นกันทำให้รอยต่อกว้างมากขึ้นอิเล็กตรอนวิ่งไม่ครบวงจร ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลในตัวไดโอด แต่อาจจะมีกระแสไหล บ้างเล็กน้อย โดยค่ากระแสรั่วไหลในไดโอดที่ผลิตจากสารเยอรมันเนียมจะมากกว่าไดโอดที่ผลิตจากสารซิลิคอน เนื่องจากไดโอดมีหลายชนิดและมีหลายขนาด ดังนั้นจึงพบว่าไดโอดจึงมีรูปร่างภสยนอกที่มีความแตกต่างกัน
การวัดและการตรวจสอบไดโอด จะพิจารณากันอยู่ 3 ลักษณะ คือ
1. ไดโอดขาด ( Open ) หมายถึง รอยต่อระหว่าง สารพีอ็น เปิดออกจากกันทำให้ไดโอดไม่สามารถนำกระแสได้ ทั้งกรณีไบอัสตรงและไบอัสกลับ ( เข็มมิเตอร์ก็ไม่กระดิกทั้งสองครั้ง )
2. ไดโอดลัดวงจร ( Short ) หมายถึง รอยต่อระหว่างสารพีเอ็น เกิดการพังทลายเข้าหากัน ไดโอดจะนำกระแสทั้งกรณีไบอัสตรงและไบอัสกลับ ( เข็มขึ้นทั้งสองครั้ง ) 3. ไดโอดรั่วไหล ( Leakage ) หมายถึง การวัดไดโอดในลักษณะไบอัสกลับ โดยใช้ค่าแรงดันจากโอห์มมิเตอร์ซึ่งมีค่าแรงดันต่ำกว่าค่าแรงดันพังทลายของไดโอด ก็มีกระแสแล้ว ไดอดชนิดเยอรมันเนียมเมื่อถูกไบอัสกลับจะมีค่าความต้านทานประมาณ 400 -500 กิโลโอห์ม ซึ่งรั่วไหลมากกว่าชนิดซิลิคอน และชนิดซิลิคอนเมื่อถูกไบอัสกลับจะมีค่าความต้านทานเป็นอนันต์ ( เข็มมิเตอร์จะไม่กระดิก )
วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น